หลายคนที่เห็นข่าวคราวว่าศิลปินหนุ่มอย่างกิต – กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ ลงมือเขียนหนังสือเล่มแรกในชีวิต อาจจะคิดสงสัยอยู่เหมือนกันว่ากิตเขียนเองจริงเหรอ? งานเยอะขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนมาเขียน? กิตมีทักษะการเขียนขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือว่าจริง ๆ แล้วใช้ Ghostwriter?
มากันรัว ๆ หลายคำถามเลยนะครับเนี่ย
ในฐานะที่ผมเป็นบรรณาธิการหนังสือ “167 เฉพาะกิต” ผมขอพูดชัด ๆ ตรงนี้เลยนะครับว่าทั้งหมดในเล่มนี้ กิตลงมือเขียนเองจริง ๆ ไม่ใช้สแตนด์อิน ไม่ใช้ Ghostwriter แน่นอน
อะ ผมอธิบายก่อนนิดนึงว่า Ghostwriter คืออาชีพหนึ่งที่ทำหน้าที่เขียนแทนคนที่อยากเขียนหนังสือครับ สมมตินะครับสมมติ สมมติว่าถ้าคุณอยากจะเขียนหนังสือสักเล่มเพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ของคุณ ให้คนอ่านได้เอาไปต่อยอดความคิด ไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก หรือบางทีคุณอาจจะแค่อยากมีหนังสือสักเล่มเพื่อเสริมบารมี แต่ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณอาจจะไม่มีเวลา หรือคุณอาจจะเขียนหนังสือไม่เป็น เรียบเรียงไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องใช้ภาษาแบบไหนยังไง ก็เลยเกิดอาชีพ Ghostwriter ขึ้นมาครับ
Ghostwriter ต้องทำหน้าที่เขียนแทนคุณ ประหนึ่งว่าต้องสวมบทบาทเป็นตัวคุณ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ซึ่งกระบวนการทำงานก็คือ Ghostwriter อาจจะต้องไปสัมภาษณ์พูดคุยกับคุณจนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเก็บข้อมูล ทั้งเนื้อหา และสไตล์การเล่าเรื่อง แล้วนำสิ่งที่ได้จากการสัมภาษณ์นั้นมาเขียนออกมาเป็นหนังสือ เหมือนกับว่าคุณเขียนเองทั้งเล่มครับ
ที่ผ่านมา ในแวดวงหนังสือบ้านเราก็มีไม่น้อยนะครับที่คนดังใช้ Ghostwriter เขียนให้ แล้วใช้ชื่อตัวเองว่าเป็นผู้เขียน ทั้งนักแสดง นักร้อง พิธีกร นักการเมือง และคนดังอีกหลายสาขาอาชีพที่อยากจะมีหนังสือเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเอง บางเล่มก็มีบอกตรง ๆ ว่ามี Ghostwriter เป็นผู้เรียบเรียงถ่ายทอด แต่บางเล่มก็ไม่บอก ปล่อยให้คนอ่านเข้าใจไปว่าเจ้าของเรื่องเป็นคนเขียนเองทั้งหมด
กลับมาที่ “167 เฉพาะกิต” ครับ ตอนแรกสุดเลย ผมกับทีมงานคิดกันว่าอยากชวนกิตมาทำหนังสือ แต่ด้วยความที่ก็รู้สึกเหมือนกันว่ากิตน่าจะงานเยอะแหละครับ ทั้งงานราษฎร์งานหลวง เยอะไปหมด ถ้าทำโฟโต้บุ๊กก็น่าจะง่าย และทำได้ไว แต่ในใจผมเองก็รู้สึกแหละครับว่าเสียดายอยู่นะ เพราะผมเองก็รู้จักมักจี่กับกิตพอสมควร เห็นว่าเวลาที่กิตตั้งใจเขียนสเตตัสยาว ๆ เพ้อ ๆ อะ ผมว่ากิตมันเขียนดีมากเลยนะครับ
กิตมีทักษะด้านการถ่ายทอด การเรียบเรียง การทำให้คนอ่านมีอารมณ์คล้อยตามไปกับเรื่อง ถ้าจะให้กิตมาเป็นแบบถ่ายรูปอย่างเดียว มันเลยรู้สึกว่าเสียดายของไปหน่อย กิตก็อยากลงมือเขียนเองด้วย เน้! มันแน่จริง ๆ 555 เลยสรุปกันออกมาเป็นแบบนี้ครับ คือมีทั้งรูปกิต มีทั้งสิ่งที่กิตอยากถ่ายทอดด้วย ก็เป็นไปตามที่ทั้งทางผมและกิตต้องการ เย้!
หลังจากที่เราตัดสินใจไม่ทำโฟโต้บุ๊กแบบเพียว ๆ แล้ว ก็มาคิดต่อว่าแล้วจะให้กิตเขียนอะไร
กิตก็ไม่รู้! เอ้าาาาาา
กิตบอกว่าถ้าให้เขียนแบบลอย ๆ ไม่ได้กำหนดโจทย์อะไรให้เลย มันเขียนไม่ออก นึกไม่ออกว่าแล้วจะเอาอะไรมาเขียน ปกติเวลาที่กิตเขียน คือต้องมีเรื่องที่อยากเล่าก่อน ถึงจะเขียนออกมาได้
โอเค! เข้าใจได้ ปัญหาธรรมดามากสำหรับนักเขียนหน้าใหม่ที่แม้แต่นักเขียนมืออาชีพบางคนก็ยังคิดไม่ตก ดังนั้น ผมก็เลยต้องหาทางแก้ปัญหาให้กิต โดยการที่ผมลิสต์คำมาให้กิตเลือกครับ ลิสต์มาทั้งหมดประมาณ 100 คำ แล้วให้กิตเลือกเอาตามใจชอบเลยว่าอยากจะหยิบคำไหนมาเล่าบ้าง มีความรู้สึกอะไรบ้างเกี่ยวกับคำนั้น ๆ หรือว่ามีประสบการณ์อะไรในชีวิตที่สอดคล้อง แล้วอยากจะเอามาเล่า เอามาแชร์ไหม
พอทำงานด้วยกันรูปแบบนี้ ก็ทำให้งานกิตง่ายขึ้นครับ ผมบอกกิตไปว่าบทนึงเขียนมาประมาณ 1-2 หน้า A4 ก็ได้ กิตก็กังวลอยู่เหมือนกัน กลัวว่า 1-2 หน้าจะยาวเกินไป ปรากฏว่าพอมันลงมือเขียนจริง บางเรื่องคงมันมือแหละ ความคิดพลุ่งพล่าน เขียนมายาว 5-6 หน้านู่นนนนนน ละตอนแรกทำมาเป็นกลัวเขียนไม่ถึงที่กำหนด 555
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บทความที่ทุกคนจะได้อ่านในหนังสือเล่มนี้ ก็ไม่ใช่ดราฟต์แรกที่กิตเขียนส่งมาให้ผมนะครับ เพราะในกระบวนการทำงานของผมเนี่ย ผมก็ต้องอ่าน และแนะนำให้กิตปรับแก้อยู่บ้างเหมือนกัน เช่น ขอตัวอย่างตรงนี้เพิ่มอีกนิด ตรงนั้นยังไม่เห็นภาพมากพอ แนวคิดบางอย่างมันไม่สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน ลองมาทำความเข้าใจร่วมกันเรื่องบริบททางสังคมกันก่อนดีกว่า ก็ต้องแลกเปลี่ยนกันพอสมควรเรื่องมุมมองทางสังคม หรือบางประเด็นผมก็ต้องตัดออก เพราะว่าถ้าใส่มา เผลอ ๆ จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี บางบทที่กิตเขียนมายาว ๆ แต่ถูกปัดตกไป ไม่ได้เอามาตีพิมพ์ก็มีไม่น้อยอยู่นะครับ
มีช่วงหนึ่ง บางคนอาจจะเจอกิตนั่งพิมพ์งานด๊อกแด๊กอยู่ร้านกาแฟใจกลางสยามสแควร์ ไม่ต้องสงสัยเลยครับ กิตกำลังเขียนต้นฉบับหนังสือเล่มนี้นี่แหละ บางครั้งกิตก็นั่งพิมพ์ในมือถือระหว่างเดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ต ระหว่างรอถ่ายงาน แล้วก็รีบส่งมาให้ผมทางไลน์ ขนาดว่าบอกให้ส่งทางอีเมล จะได้จัดการไฟล์ง่าย ๆ มันก็ไม่ยอมทำ แต่ก็เอาเถอะครับ ไม่ว่ากัน เข้าใจว่าส่งทางไลน์กิตสะดวกกว่าแหละ 55
ช่วงเวลาเป็นเดือน ๆ ที่ดูแลต้นฉบับกิตนี่ ผมเองก็ได้รู้จักน้องชายคนนี้มากขึ้นเหมือนกันนะครับ ก่อนหน้านี้ก็สนิทกันมากประมาณนึงแล้ว แต่พอได้อ่านงานกิต ได้พูดคุยกันมากขึ้น มันก็รู้จักกันมากขึ้นไปอีก บางประเด็นก็ปลดล็อกความรู้สึกในใจผมเองเหมือนกัน คิดว่าหลายคนที่ได้อ่านน่าจะรู้สึกว้าวกับอีกหลาย ๆ เรื่องราวที่กิตเล่าให้ทุกคนได้อ่านครับ
ใครที่อยากรู้ว่ากิตถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตอะไรลงไปในหนังสือเล่มนี้บ้าง มีมุมมองต่อการใช้ชีวิต ต่อสังคม ในประเด็นไหนบ้าง ก็อย่าพลาดหนังสือเล่มนี้นะครับ “167 เฉพาะกิต” ย้ำว่าสั่งซื้อล่วงหน้าทาง https://avocadobooks.co/product/167kit/ วันที่ 5-13 มิถุนายนนี้เท่านั้น ปกแข็งอย่างดี Limited Edition พิมพ์ครั้งเดียว ไม่มีพิมพ์เพิ่ม ไม่มีวางขายทั่วไป ถ้าใครไม่ได้สั่งครั้งนี้ ก็คืออดเป็นเจ้าของไปตลอดชีวิตเลยนะครับ ไม่อยากให้ทุกคนพลาดเลยจริง ๆ มุแง้ ๆ ๆ
พี่ทอมเอง
@JakkritTomtom
ในฐานะพี่ชายที่แสนดีของนุ้งกิต
และบรรณาธิการหนังสือ “167 เฉพาะกิต”