เวลาสิบปี ผมถ่ายภาพคนมาไม่น้อย เรียกได้ว่าชินกับเรื่องราวในกองถ่ายเหมือนเป็นชีวิตประจำวัน จนไม่รู้สึกว่ามีอะไรใหม่ละ แต่มันมีอยู่ช่วงหนึ่งของการถ่ายภาพในหนังสือ “167 เฉพาะกิต” นี่ล่ะครับ ที่ผมมีเรื่องประทับใจมาก ๆ จนอดไม่ได้ที่จะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องมันเป็นยังงี้ครับ
คืนที่ 2 ของทริปนี้ พวกเราต้องรีบเข้านอน แม้จะยังอยากออกไปเดินหาขนมกิน หรือนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยเพื่อพักผ่อนจากการลุยงานมาสองวันติด แต่เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราต้องตื่นตั้งแต่ก่อนตี 4 เดินทางไปที่หาดเก้าเส้ง จังหวัดสงขลา เพื่อถ่ายภาพกิตกับช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
ราวตี 4 ของวันต่อมา เราจอดรถไว้ที่ลานจอด เมื่อไฟหน้ารถดับลง ทุกอย่างมืดสนิท เหลือแต่เสียงสุนัขแถวนั้นที่เห่าเสียงขรมต้อนรับพวกเรายามรุ่งสาง
แสงไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือนำทางพวกเราไต่ลงไปจนถึงหาด ลมกระโชกแรงพร้อมจะมีฝน ทำให้พวกเราต้องลุ้นว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นไหม เพราะนี่เป็นช็อตหลักของทริปที่ทำให้พวกเรายอมตื่นเช้า ยอมทิ้งภูเขาและสายหมอกเดือนมกราคมทางภาคเหนือแล้วลงใต้มาเพื่อทะเลล้วน ๆ เพราะคิดว่ากิตและท้องทะเลน่าจะเข้ากันดี
ในความมืด เรานั่งรอแสงแดด แต่คลื่นที่ซัดเข้าฝั่งกลับไม่มีทีท่าลดลง แถมแตกฟองปลิวละอองเค็มมาตามลมที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ภาพของทะเลใส ฟ้าสีเข้มแบบที่คิดเอาไว้ เริ่มจางหายไปจากความคิด แต่ไม่เป็นไร มู้ดโทนหม่น ๆ ของโลเคชันตอนนี้ก็เหมาะกับความเป็นคนช่างคิดของกิตแบบเข้ากันพอดี
ชัตเตอร์กล้องถูกกดครั้งแรกเมื่อฟ้าเรื่อเป็นสีน้ำเงินเข้ม เราเดินถ่ายบนหาดบ้าง ลงไปลุยน้ำ ยืนแช่เท้าในน้ำบ้าง แม้จะแค่ตื้น ๆ ระดับแค่ครึ่งแข้ง แต่น้ำก็ซัดแรงจนเราเซกันได้หากไม่ระวัง หรือขณะที่กิตขึ้นไปยืนบนก้อนหิน น้ำทะเลก็เข้าปะทะสาดซู่มกระฉอกสูงกว่าตัวพวกเรา เหมือนทำงานกลางพายุ
หกโมงเช้า พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่เมฆยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย เราตัดสินใจรัวถ่ายช็อตสุดท้ายเท่าที่จะทำได้ ตอนที่พระอาทิตย์ใจดียอมออกมาจากเมฆให้เราพบเพียงไม่กี่นาที
ขากลับ บนรถทุกคนเฮฮาดี แต่กิตเงียบไป นั่งเหม่อมองนอกรถ สงสัยคงเพลีย เหนื่อย นอนน้อย แต่ผมเพิ่งได้รู้จากปากบก.ว่าจริง ๆ แล้วกิต “กลัวทะเล” อาาาา ความรู้ใหม่ กิตบอกว่า
“ใต้ทะเล ใต้น้ำ มันมองอะไรไม่เห็นเลย ตอนเด็กดูหนังพวกฉลามยักษ์ จระเข้ยักษ์ ทุกอย่างเกิดขึ้นตอนเรามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ทะเล ทุกครั้งเวลาที่เดินไปเหยียบอะไรในทะเล มักจะคิดตลอดเลยว่า นี่มันหลังเต่ายักษ์ หรือ หลังจระเข้ หรือเปล่าวะ? ก็เลยทำให้ผมเครียดนิดหน่อยเวลาไปทะเลที่มองไม่เห็นใต้ทะเล”
“เอ้า ทำไมไม่บอกก๊อนนนน จะได้ไม่ต้องมาทะเล” ผมถามกิต รู้สึกผิดเหลือเกิน
“ผมคิดว่าภาพถ่ายมันจะต้องออกมาดีแน่นอน แล้วพอคิดเป็นภาพในหนังสือ ผมว่าทะเลคงจะสวยกว่า เลยไม่ได้แย้ง แต่มาเจอจริง ๆ มันก็ยากนะ ต้องควบคุมความเครียดทั้งเรื่องชุดเปียก เสียงลมที่ดังมาก ๆ เสียงคลื่น แต่ต้องทำหน้าตาให้ดูผ่อนคลาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” กิตตอบ
นั่นแหละครับ ความประทับใจที่อยากเอามาเล่าต่อ ผมชอบการต่อสู้กับเรื่องที่ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจ เพื่อผลงานที่ดีที่หวังไว้ นี่ถ้ากิตปฏิเสธในวันนั้น ภาพเซตนี้ก็คงไม่ได้มาถึงสายตาผู้อ่าน แล้วก็คงไม่ง่ายแน่ ๆ ที่จะได้ไปเจอกิตเดินเล่นกับพายุฝนริมทะเลแบบนี้
พิสูจน์อักษร: จักรกฤต โยมพยอม